๗ ปีแรก กำหนดอนาคตของลูกคุณ... จะสร้างหรือทำลายก็อยู่ที่ช่วงเวลานี้
วิธีช่วยลูกให้หลุดพ้นจากสงครามกับ iPad และคืนช่วงวัยอันมีค่าได้ในเพียง ๒๑ วัน
(แม้คุณจะเคยลองมาทุกวิธีแต่ไม่เคยได้ผลเลยก็ตาม)
เบื้องหลังของระบบที่เปลี่ยน “เด็กติดหน้าจอ” ให้กลับมาเป็น “เด็กสดใสและมีความสุข” ได้ภายใน ๒๑ วัน
"แม่... หนูไม่อยากเล่นกับแม่แล้ว หนูอยากเล่น iPad มากกว่า"
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของฉันแทบแตกสลาย... ลูกชายวัย ๖ ขวบของฉันนั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเปล่งแสงฟ้าจากหน้าจอ iPad.
เด็กชายที่เคยเต็มไปด้วย จินตนาการและพลัง เคยสร้างเมืองเลโก้ วิ่งเล่นกลางแจ้ง... ตอนนี้เหมือนหายไปในโลกดิจิทัล
ฉันทรุดลงข้างกำแพง น้ำตาไหลพราก... แค่ไม่กี่เดือนก่อน เขายังขอให้ฉันเล่นบทบาทสมมติด้วยกัน และ อ่านนิทานก่อนนอนด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้… ทุกวันเต็มไปด้วยการต่อสู้เรื่องหน้าจอที่ทำให้เราทั้งคู่เหนื่อยล้า
ทุกครั้งที่ขอให้เลิกเล่น iPad ก็กลายเป็นเสียงร้องไห้และโวยวายไม่ยอมเลิก
เขาไม่สนใจของเล่นที่เคยชอบ และไม่อยากทำกิจกรรมกลางแจ้งเหมือนเดิมอีกต่อไป
นัดเล่นกับเพื่อนกลายเป็นการนั่งเงียบ ๆ ข้างกัน แต่ต่างคนต่างจ้องหน้าจอ
ความสนใจต่อสิ่งที่ไม่ใช่ดิจิทัลเหลืออยู่แค่ไม่กี่นาที
ความผูกพันอันอบอุ่นระหว่างเรา ถูกแทนที่ด้วยความขัดแย้ง
ทุกเช้า ฉันบอกตัวเองว่า “วันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว” แต่สุดท้ายก็ต้องยอมลูกอีกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงเสียงร้องไห้และอารมณ์เสีย
ฉันลองทำทุกวิธีที่พ่อแม่คนอื่นแนะนำมาแล้ว:
กำหนดเวลาใช้หน้าจออย่างเข้มงวด (แต่ลูกก็หาทางเลี่ยงจนได้ทุกครั้ง)
ใช้แอปควบคุมเวลาใช้งาน (แต่กลับทำให้ทะเลาะกันมากกว่าเดิม)
พยายามหยุดแบบหักดิบ (แต่เสียงร้องไห้และความโกรธของเขาทำให้หัวใจแทบสลาย)
เปลี่ยนไปใช้แอป “เสริมพัฒนาการ” แทน (แต่ลูกก็ยังจ้องหน้าจอไม่วางอยู่ดี)
ทุกความล้มเหลวทำให้ฉันรู้สึกหมดหวังและรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉันเป็นแม่ที่แย่หรือเปล่า... ที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น?
แล้ววันหนึ่ง... ฉันค้นพบสิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล
ในคืนหนึ่งตอนตี ๓ ขณะหาข้อมูลเรื่อง “เด็กติดหน้าจอ” ฉันพบงานวิจัยด้านสมองของเด็กที่ทำให้ฉันตื่นทั้งคืน
สิ่งที่ฉันได้รู้ทำให้ฉันตกใจอย่างมาก:
นักวิทยาศาสตร์สมองยืนยันว่า “๗ ปีแรกของชีวิต” คือช่วงเวลาที่กำหนดอนาคตของเด็กทั้งชีวิต
ในช่วงเวลาสำคัญนี้ของชีวิตเด็ก:
โครงสร้างสมองกว่า ๙๐ % ถูกสร้างขึ้นในช่วงนี้ และการใช้หน้าจอมากเกินไปสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ถาวร
ทักษะทางอารมณ์และสังคมกำลังถูกสร้าง... หรือกำลังถูกทำลาย
บุคลิกภาพพื้นฐานและความสามารถในการเรียนรู้ของลูก กำลังถูกหล่อหลอมให้ติดตัวไปตลอดชีวิต
รากฐานของความสัมพันธ์ การทำงาน และความสุขในอนาคตกำลังถูกวางไว้ตั้งแต่ตอนนี้
และที่น่ากลัวที่สุด:
พ่อแม่ส่วนใหญ่กำลังทำให้สถานการณ์แย่ลงโดยไม่รู้ตัว
ฉันรู้ดี... เพราะฉันเองก็เคยทำผิดแบบเดียวกันทั้งหมดนี้มาก่อน
หลังจากทุ่มเทศึกษาข้อมูลและพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหลายด้าน:
นักจิตวิทยาประสาทเด็ก
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพดิจิทัล
ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก
ฉันค้นพบแล้วว่า “ทำไมวิธีเดิม ๆ ถึงล้มเหลว” — และที่สำคัญกว่านั้นคือ “อะไรที่ได้ผลจริง”
ฉันเรียกมันว่า “สูตรลับดีท็อกซ์ดิจิทัล”
เมื่อฉันเริ่มทำงาน “ร่วมกับสมองของลูก” แทนที่จะฝืนมัน ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป:
หยุดสงครามหน้าจอได้ โดยไม่ต้องทะเลาะกันทุกวัน
ช่วยให้ลูกกลับมาสนุกกับการเล่นและใช้จินตนาการอีกครั้ง
กู้คืนความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างแม่ลูกที่เคยหายไป
เห็นเขาเริ่มเลือกกิจกรรมจริง แทนที่จะจ้องหน้าจอทั้งวัน
สร้างขอบเขตการใช้เทคโนโลยีที่ชัดเจน และลูกยอมรับได้โดยไม่ต่อต้าน
หลังจากช่วยครอบครัวนับพันให้ได้ผลลัพธ์เดียวกัน ฉันจึงพัฒนาระบบนี้ให้กลายเป็นขั้นตอนที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้...
...แม้คุณจะเคยลองทุกวิธีแล้วแต่ไม่เคยเห็นผลเลยก็ตาม
แต่อย่าเพิ่งเชื่อฉัน ลองฟังเรื่องราวจากพ่อแม่คนอื่น ๆ ที่เคยอยู่ในจุดเดียวกัน:
ทักษะสำคัญที่ทำให้ “เด็กมีความสุข” แตกต่างจาก “เด็กที่กำลังเผชิญปัญหา”
๔ ทักษะสำคัญที่ลูกคุณต้องมี (แต่กำลังถูกหน้าจอทำลายลงทุกวัน)
ความฉลาดทางอารมณ์และทักษะทางสังคม: ความสามารถในการอ่านสีหน้าผู้อื่น เข้าใจอารมณ์ และสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้ง — ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “ตัวชี้วัดอันดับหนึ่งของความสำเร็จในชีวิต” (แต่การใช้หน้าจอมากเกินไปกำลังทำลายสิ่งนี้)
การแก้ปัญหาในโลกจริง: ความมั่นใจในการรับมือกับสถานการณ์โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี — ทักษะสำคัญในการสร้างจิตใจที่ยืดหยุ่นและไม่ยอมแพ้ (ซึ่งเด็กยุคดิจิทัลมีน้อยลงทุกวัน)
สมาธิและความจดจ่อ: ความสามารถในการโฟกัส เรียนรู้ลึก และต้านสิ่งรบกวนจากโลกดิจิทัล — ทักษะที่สำคัญต่อความสำเร็จทั้งในโรงเรียนและในชีวิต (และเป็นสิ่งที่เสี่ยงที่สุดในช่วงวัย ๐–๗ ปี)
การเล่นเชิงสร้างสรรค์และจินตนาการ: รากฐานของความคิดสร้างสรรค์และการจัดการอารมณ์ — ทักษะสำคัญที่ค่อย ๆ หายไปทุกครั้งที่เด็กอยู่หน้าจอนานเกินไป
เข้าถึงดิจิทัลทันที - เริ่มเปลี่ยนแปลงครอบครัวของคุณวันนี้
สิ่งที่คุณจะได้รับทั้งหมดจากโปรแกรม Digital Detox Formula วันนี้!
มีอะไรบ้าง
คอร์ส Digital Detox Formula ฉบับสมบูรณ์: ๗ บทเรียนที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถปรับสมองลูกให้หลุดจากการติดหน้าจอ และนำความสงบกลับคืนสู่ครอบครัว
🎁 พร้อมรับโบนัสพิเศษอีก ๕ คู่มือสำคัญ! 🎁
คู่มือกิจกรรมไร้หน้าจอ (Screen-Free Activity Bible) — รวมกว่า ๑๐๐ กิจกรรมที่ทำให้ลูกสนุกได้มากกว่าการเล่นบนหน้าจอ
คู่มือคุณพ่อคุณแม่ใจเย็น (Calm Parent Protocol) — เทคนิคที่ช่วยให้คุณรับมือกับอารมณ์ของลูกได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องใช้การลงโทษ
คู่มือพัฒนาทักษะสังคม (Social Solutions Guide) — สอนวิธีจัดการสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น นัดเล่นกับเพื่อน งานครอบครัว หรือโรงเรียน โดยไม่ต้องพึ่งหน้าจอ
ชุดเครื่องมือสำหรับลูกวัยหัดเดิน (Tech-Healthy Toddler Toolkit) — กลยุทธ์เฉพาะที่ช่วยป้องกันไม่ให้เด็กเล็กเริ่มติดหน้าจอตั้งแต่ยังเล็ก
คู่มือฟื้นความผูกพันในครอบครัว (Family Connection Reset) — แบบฝึกหัดและกิจกรรมที่จะช่วยให้ครอบครัวกลับมาสนิทแน่นแฟ้นเหมือนเดิม
ราคาปกติ: ฿๓,๕๙๐
วันนี้เพียง: ฿๒๕๙ เท่านั้น!
ก่อนและหลัง
การเปลี่ยนแปลงที่คุณจะได้เห็นด้วยตาของคุณเอง
อย่าปล่อยให้หน้าจอกลายเป็นศูนย์กลางของครอบครัวคุณอีกต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกสามารถกลับมาแน่นแฟ้นกว่าเดิมได้ เพียงแค่มีระบบที่ถูกต้องช่วยนำทาง
ก่อนเริ่มโปรแกรม Digital Detox Formula:
การต่อสู้กับเวลาหน้าจอทุกวัน
ลูกอารมณ์เสีย ร้องไห้ หรือโมโหแทบทุกครั้งที่ขอให้วางหน้าจอ
ลูกสนใจแค่สิ่งที่อยู่บนหน้าจอ ไม่อยากทำกิจกรรมอื่นเลย
ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกเต็มไปด้วยความตึงเครียด
พ่อแม่รู้สึกผิดและไม่แน่ใจว่าควรตั้งขอบเขตเทคโนโลยีอย่างไร
การติดหน้าจอกลับแย่ลงเรื่อย ๆ แม้พยายามแก้ไขแล้ว
หลังจากทำตามโปรแกรม Digital Detox Formula:
การเปลี่ยนจากหน้าจอเป็นกิจกรรมอื่นเป็นไปอย่างราบรื่น
ลูกเริ่มเลือกทำกิจกรรมหลากหลายด้วยตัวเอง
ลูกกลับมาสนุกกับการเล่นและอยากรู้อยากเห็นอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นและอบอุ่นมากขึ้น
พ่อแม่มั่นใจมากขึ้นในการตั้งขอบเขตและสื่อสารกับลูก
ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีและสมดุลกับเทคโนโลยี
เข้าถึงดิจิทัลได้ทันที — เริ่มเปลี่ยนแปลงครอบครัวของคุณวันนี้เลย
๕ ขั้นตอนหลักที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ของลูกคุณกับเทคโนโลยีอย่างถาวร
ทุกขั้นตอนถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อปรับสมองของลูกให้หลุดพ้นจากการพึ่งพาเทคโนโลยี ด้วยหลักการทางประสาทวิทยาที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
ระยะที่ ๑: ฟื้นฟูความผูกพัน (วันที่ ๑–๕)
เห็นแววตาของลูกกลับมาสดใสอีกครั้ง เมื่อเขาได้มองหน้าคุณ — เหมือนเมื่อก่อนที่หน้าจอยังไม่เข้ามาแทรกกลาง. วิธีนี้จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงหัวใจของลูกอีกครั้ง พร้อมลดความอยากใช้หน้าจอโดยธรรมชาติ
เรียนรู้พิธีกรรม ๕ นาทีแสนง่าย ที่ทำให้ลูก “รู้สึกว่าแม่เห็นและเข้าใจเขาจริง ๆ”
เรียนรู้วิธีเปลี่ยนช่วงเวลาธรรมดาให้กลายเป็นโอกาสสร้างความผูกพัน แม้ในวันที่ยุ่งที่สุด
เห็นลูกเริ่มเลือกกอดและฟังนิทานก่อนนอน แทนที่จะขอเล่นหน้าจอ ภายในไม่กี่วัน
ระยะที่ ๒: จากน้ำตาสู่ความไว้วางใจ (วันที่ ๖–๑๐)
ยุติสงครามหน้าจอที่แสนเหนื่อย โดยไม่ต้องรู้สึกว่าคุณเป็น “แม่ใจร้าย”.
เปลี่ยนช่วงเวลาที่เคยวุ่นวายให้กลายเป็นช่วงเวลาที่สงบและอบอุ่น
หยุดรู้สึกผิดเมื่อต้องตั้งขอบเขต แล้วเห็นลูกยอมรับและเคารพขอบเขตนั้นด้วยตัวเอง
คืนความสุขให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูก แทนที่จะต้องเป็น ‘ตำรวจจับหน้าจอ’ ตลอดเวลา
ระยะที่ ๓: กลับมาสนุกกับการเล่นจริง (วันที่ ๑๑–๑๕)
คุณจะทึ่งเมื่อเห็นลูกกลับมาสนุกกับการเล่นที่ใช้จินตนาการอีกครั้ง เหมือนเด็กสมัยก่อนที่ไม่มี iPad
เห็นลูกหยิบของเล่นเก่าขึ้นมาเล่นอย่างตื่นเต้น
ได้ยินเสียงหัวเราะและจินตนาการของลูกกลับมามีชีวิตอีกครั้งระหว่างการเล่น (แทนที่จะได้ยินคำว่า “ขอเล่น iPad อีกนิดนะ”)
สัมผัสความสุขของการมีลูกที่สร้างความสนุกด้วยตัวเองอีกครั้ง
ระยะที่ ๔: เติบโตอย่างมั่นใจในโลกจริง (วันที่ ๑๖–๑๘)
ช่วยลูกพัฒนาทักษะทางสังคมและความมั่นใจ โดยไม่รู้สึกว่าตัวเอง “ล้าหลัง” ในโลกดิจิทัล
จัดการนัดเล่นกับเพื่อน งานครอบครัว หรือออกไปข้างนอกได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องหน้าจออีกต่อไป
เห็นลูกเริ่มมีเพื่อนแท้ และสร้างความสัมพันธ์จริงนอกหน้าจอ
เห็นลูกเข้าร่วมกิจกรรมและพูดคุยกับคนรอบข้างอย่างมั่นใจ แทนที่จะหลบอยู่หลังหน้าจอ
ระยะที่ ๕: อิสรภาพใหม่ของครอบครัวคุณ (วันที่ ๑๙–๒๑)
สร้างการเปลี่ยนแปลงระยะยาว ที่ทำให้ครอบครัวแน่นแฟ้นและลูกพร้อมสำหรับอนาคตที่สดใส
สนุกกับมื้ออาหารที่อบอุ่นโดยไม่มีหน้าจอมาขวาง
ภูมิใจที่ได้เลี้ยงลูกที่อยู่กับปัจจุบันและมีส่วนร่วมกับโลกจริง
มั่นใจว่าคุณได้มอบการเริ่มต้นชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกแล้ว
